- รับลิงก์
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
เขียนโดย
Komkrit Aree
ใน
- รับลิงก์
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
"ลิขสิทธิ์" หรือ Copyrights เป็นเรื่องที่กำลังพูดถึงอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาที่เรียกว่า "การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา" กันมากขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและระมัดระวังเรื่องของการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น จึงได้เขียนบทความนี้ขึ้นมาเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องของ "ลิขสิทธิ์" เบื้องต้นครับ
ทำไมเราต้องมีกฎหมายเรื่อง "ลิขสิทธิ์"?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่เดียวในปัจจุบันที่ได้เข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสารที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเป็นยุคทองของอินเทอร์เน็ตเลยก็ว่าได้ ด้วยความเร็วในการเข้าถึงไม่ว่าจะเป็น 3G, 4G ฯลฯ มีการอัพโหลดแชร์รูป วีดีโอ ผ่านสื่อกลางอย่างโซเชี่ยลมีเดียกันมากมายทั่วโลก
จะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้นำมาซึ่งปัญหาของการละเมิดสิทธิของผู้อื่น เพราะเราไม่ได้นำใช้ส่วนตัว แต่เรากำลังเผยแพร่ต่อสาธารณะชนโดยคนที่เราไม่ได้รู้จักหรือเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่รูปภาพของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การนำภาพ/เสียง/เพลง โดยการดาวน์โหลดและนำไปเผยแพร่ต่อ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์กันทั้งสิ้น
เอาล่ะครับ... จากปัญหาเรื่องของการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวกับ "ลิขสิทธิ์" หรือ Copyrights ผมขอยกความหมายของ "ลิขสิทธิ์" จากเว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งได้ให้ความหมายไว้ว่า
ตัวอย่างของการละเมิดลิขสิทธิ์
สมมุติว่าเราดาวน์โหลดภาพจากอินเทอร์เน็ต ที่เค้ามีไว้ขาย (Commercial) ไม่ได้แจกฟรี แล้วเรานำภาพนั้นมาดัดแปลง เช่น เปลี่ยนสีภาพหรือตัดต่อภาพ ในกรณีนี้ไม่ว่าภาพผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นแบบไหน ถ้าเค้าโครงเดิมของภาพต้นฉบับยังคงอยู่ นั่นแสดงว่าคุณกำลังละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของผลงานเค้าอยู่ครับ
สำหรับกรณีที่เราต้องการนำข้อความ บทความ รูปภาพ ไปใช้ในงานของเรา อาจทำได้โดยการทำหนังสือ จดหมายหรืออีเมลไปหาเจ้าของผลงานนั้นๆ โดยผลงานที่เราจะนำไปใช้งานได้นั้น เจ้าของผลงานจะต้องมีการตอบกลับทางจดหมายหรืออีเมลให้กับเรา จึงจะถึงว่าเราสามารถอ้างอิงและนำผลงานนั้นๆ ไปใช้ต่อได้โดยสมบูรณ์ เนื่องจากเจ้าของผลงานได้อนุญาตไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว
เราสามารถดูตัวอย่างการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ประเภทต่างๆ ได้ที่ http://www.ipthailand.go.th/ipthailand/index.php?option=com_content&task=category§ionid=21&id=481&Itemid=571 โดยจะมีแบบฟอร์มพร้อมทั้งคำแนะนำต่างๆ ให้ด้วย
แล้วเราจะมีวิธีทำให้ผลงานที่เราสร้างให้มีหลักฐานยืนยันได้อย่างไรล่ะ?
หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการใส่ "ลายน้ำ" ไว้ภายในภาพคือการทำลิขสิทธิ์ของภาพตนเองอยู่ นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดครับ เพราะมันไม่ได้การันตรีว่าคุณเป็นคนสร้างภาพนี้มาจริงหรือไม่ โดยปกติแล้วภาพที่ใส่ลายน้ำเอาไว้ จะเป็นข้อความบอกว่า "คุณสามารถหาภาพนี้ได้จากที่ไหน" เท่านั้นเองครับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเค้าจะทำไว้สำหรับแจกฟรี หรือเสียค่าใช้จ่าย
แล้วแบบนี้เราจะป้องกันลิขสิทธิ์ของเรายังไงดีล่ะ?
เรื่องนี้ไม่ยากครับ คุณก็แค่ยื่นข้อมูลจดทะเบียนลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาไงล่ะ (คิดไปคิดมาน่าจะยากอยู่นะ) โดยไปขอแบบฟอร์มหรือจะดาวน์โหลดแบบฟอร์มจากเว็บ http://www.ipthailand.go.th/ipthailand/index.php?option=com_docman&Itemid=428 แล้วเตรียมข้อมูลและเอกสารประกอบให้ครบถ้วน โดยผลงานลิขสิทธิ์ที่สามารถใช้ยื่นประกอบคำขอ ได้แก่
โดยส่วนตัวแล้ว การจดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ มันยังดูคลุมเคลือและไม่ชัดเจน ส่วนตัวแล้วผู้เขียนไม่แน่ใจว่าในปัจจุบันมันครอบคลุมในส่วนใดของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของเราบ้าง เช่น Source Code หรือครอบคลุมทั้งในส่วนของ UX กับ UI ฯลฯ คงต้องรอผู้รู้มาให้คำแนะนำกันต่อไปครับ
** สุดท้ายนี้หวังว่าคนที่ทำสื่อไม่ว่าจะเป็น Graphic Design, Mulitmedia, Instuctional Design, e-Learning Developer, Content Developer ฯลฯ คงต้องพึงระวังเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์กันนะครับ เป็นไปได้ใช้ภาพหรือมีเดียที่เค้าทำมาเพื่อแจกฟรีจะดีกว่า หรือไม่ก็ซื้อภาพแบบไลเซ่นไปเลย วิธีที่ดีที่สุดคือสร้างเองเลยดีกว่าครับ เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดแล้วอาจเสียเวลาหน่อยแต่แลกกับปัญหาที่จะนำมาซึ่งความปวดหัวในภายหลังจะคุ้มกว่า หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ :)
แหล่งอ้างอิง:
[1] http://www.youtube.com/watch?v=5lFP1iaLDmc&feature=share
[2] http://www.ipthailand.go.th
ทำไมเราต้องมีกฎหมายเรื่อง "ลิขสิทธิ์"?
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่เดียวในปัจจุบันที่ได้เข้าสู่ยุคข้อมูลข่าวสารที่เข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งเป็นยุคทองของอินเทอร์เน็ตเลยก็ว่าได้ ด้วยความเร็วในการเข้าถึงไม่ว่าจะเป็น 3G, 4G ฯลฯ มีการอัพโหลดแชร์รูป วีดีโอ ผ่านสื่อกลางอย่างโซเชี่ยลมีเดียกันมากมายทั่วโลก
จะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้นำมาซึ่งปัญหาของการละเมิดสิทธิของผู้อื่น เพราะเราไม่ได้นำใช้ส่วนตัว แต่เรากำลังเผยแพร่ต่อสาธารณะชนโดยคนที่เราไม่ได้รู้จักหรือเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเผยแพร่รูปภาพของบุคคลอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต การนำภาพ/เสียง/เพลง โดยการดาวน์โหลดและนำไปเผยแพร่ต่อ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์กันทั้งสิ้น
เอาล่ะครับ... จากปัญหาเรื่องของการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต่างๆ ที่เกี่ยวกับ "ลิขสิทธิ์" หรือ Copyrights ผมขอยกความหมายของ "ลิขสิทธิ์" จากเว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งได้ให้ความหมายไว้ว่า
ลิขสิทธ์ หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใดๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ริเริ่มโดยการใช้สติปัญญาความรู้ ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะของตนในการสร้างสรรค์ โดยไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น โดยงานที่สร้างสรรค์ต้องเป็นงานตามประเภทที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้คุ้มครอง โดยผู้สร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองทันที่ที่สร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบียนซึ่งในส่วนของกฎหมายลิขสิทธิ์จะให้ความคุ้มครองแก่งานที่สร้างสรรค์ 9 ประเภทตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่
- งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งพิมพ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
- งานนาฏกรรม เช่น ท่ารำ ท่าเต้น ฯลฯ
- งานศิลปกรรม เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ ภาพถ่าย ศิลปประยุกต์ ฯลฯ
- งานดนตรีกรรม เช่น ทำนอง ทำนองและเนื้อร้อง ฯลฯ
- งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น เทป ซีดี
- งานโสตทัศนวัสดุ เช่น วีซีดี ดีวีดี ที่มีภาพหรือมีทั้งภาพและเสียง
- งานภาพยนตร์
- งานแพร่เสียงแพร่ภาพ
- งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ
ตัวอย่างของการละเมิดลิขสิทธิ์
สมมุติว่าเราดาวน์โหลดภาพจากอินเทอร์เน็ต ที่เค้ามีไว้ขาย (Commercial) ไม่ได้แจกฟรี แล้วเรานำภาพนั้นมาดัดแปลง เช่น เปลี่ยนสีภาพหรือตัดต่อภาพ ในกรณีนี้ไม่ว่าภาพผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นแบบไหน ถ้าเค้าโครงเดิมของภาพต้นฉบับยังคงอยู่ นั่นแสดงว่าคุณกำลังละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของผลงานเค้าอยู่ครับ
สำหรับกรณีที่เราต้องการนำข้อความ บทความ รูปภาพ ไปใช้ในงานของเรา อาจทำได้โดยการทำหนังสือ จดหมายหรืออีเมลไปหาเจ้าของผลงานนั้นๆ โดยผลงานที่เราจะนำไปใช้งานได้นั้น เจ้าของผลงานจะต้องมีการตอบกลับทางจดหมายหรืออีเมลให้กับเรา จึงจะถึงว่าเราสามารถอ้างอิงและนำผลงานนั้นๆ ไปใช้ต่อได้โดยสมบูรณ์ เนื่องจากเจ้าของผลงานได้อนุญาตไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว
เราสามารถดูตัวอย่างการอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ประเภทต่างๆ ได้ที่ http://www.ipthailand.go.th/ipthailand/index.php?option=com_content&task=category§ionid=21&id=481&Itemid=571 โดยจะมีแบบฟอร์มพร้อมทั้งคำแนะนำต่างๆ ให้ด้วย
แล้วเราจะมีวิธีทำให้ผลงานที่เราสร้างให้มีหลักฐานยืนยันได้อย่างไรล่ะ?
หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าการใส่ "ลายน้ำ" ไว้ภายในภาพคือการทำลิขสิทธิ์ของภาพตนเองอยู่ นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดครับ เพราะมันไม่ได้การันตรีว่าคุณเป็นคนสร้างภาพนี้มาจริงหรือไม่ โดยปกติแล้วภาพที่ใส่ลายน้ำเอาไว้ จะเป็นข้อความบอกว่า "คุณสามารถหาภาพนี้ได้จากที่ไหน" เท่านั้นเองครับ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าเค้าจะทำไว้สำหรับแจกฟรี หรือเสียค่าใช้จ่าย
แล้วแบบนี้เราจะป้องกันลิขสิทธิ์ของเรายังไงดีล่ะ?
เรื่องนี้ไม่ยากครับ คุณก็แค่ยื่นข้อมูลจดทะเบียนลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาไงล่ะ (คิดไปคิดมาน่าจะยากอยู่นะ) โดยไปขอแบบฟอร์มหรือจะดาวน์โหลดแบบฟอร์มจากเว็บ http://www.ipthailand.go.th/ipthailand/index.php?option=com_docman&Itemid=428 แล้วเตรียมข้อมูลและเอกสารประกอบให้ครบถ้วน โดยผลงานลิขสิทธิ์ที่สามารถใช้ยื่นประกอบคำขอ ได้แก่
- วรรณกรรม เช่น หนังสือ ชุดเอกสาร แผ่นซีดี ฯลฯ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เช่น สำเนา Source Code จำนวน 10 หน้าแรกและ 10 หน้า สุดท้าย หรือส่งซีดีหรือแผ่นดิสก์บรรจุโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และในกรณีที่มี Source Code น้อยกว่า 50 หน้า ให้ส่งแผ่นซีดีหรือแผ่นดิสก์บรรจุโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยเจ้าของลิขสิทธิ์อาจผนึกและลงลายมือชื่อกำกับด้วยก็ได้ - นาฏกรรม เช่น แผ่นซีดี ภาพการแสดงพร้อมบรรยายประกอบท่าทางทุกขั้นตอน ฯลฯ
- ศิลปกรรม เช่น ภาพถ่ายผลงาน ภาพร่างผลงาน ภาพพิมพ์เขียว
- สิ่งบันทึกเสียง เช่น แผ่นซีดี เทปเพลง ฯลฯ
- โสตทัศนวัสดุ เช่น แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี ฯลฯ
- ภาพยนตร์ เช่น แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี ฯลฯ
- ดนตรีกรรม เช่น เนื้อเพลง แผ่นซีดี เทปเพลง โน้ตเพลง ฯลฯ
- แพร่เสียงแพร่ภาพ เช่น แผ่นวีซีดี แผ่นซีดี ฯลฯ
- งานอื่นใดอันเป็นงานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ เช่น ภาพถ่ายของผลงาน ฯลฯ
โดยส่วนตัวแล้ว การจดลิขสิทธิ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ มันยังดูคลุมเคลือและไม่ชัดเจน ส่วนตัวแล้วผู้เขียนไม่แน่ใจว่าในปัจจุบันมันครอบคลุมในส่วนใดของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของเราบ้าง เช่น Source Code หรือครอบคลุมทั้งในส่วนของ UX กับ UI ฯลฯ คงต้องรอผู้รู้มาให้คำแนะนำกันต่อไปครับ
** สุดท้ายนี้หวังว่าคนที่ทำสื่อไม่ว่าจะเป็น Graphic Design, Mulitmedia, Instuctional Design, e-Learning Developer, Content Developer ฯลฯ คงต้องพึงระวังเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์กันนะครับ เป็นไปได้ใช้ภาพหรือมีเดียที่เค้าทำมาเพื่อแจกฟรีจะดีกว่า หรือไม่ก็ซื้อภาพแบบไลเซ่นไปเลย วิธีที่ดีที่สุดคือสร้างเองเลยดีกว่าครับ เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดแล้วอาจเสียเวลาหน่อยแต่แลกกับปัญหาที่จะนำมาซึ่งความปวดหัวในภายหลังจะคุ้มกว่า หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ :)
แหล่งอ้างอิง:
[1] http://www.youtube.com/watch?v=5lFP1iaLDmc&feature=share
[2] http://www.ipthailand.go.th
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น