Moodle Academy Moodle Admin Basics

EP4. จงเป็นนัก “สร้างโอกาส” ไม่ใช่ “รอโอกาส”


จากหนังเรื่อง “The Pursuit of Happyness” นำแสดงโดย “วิล สมิธ” และลูกชายของเขา “จาเดน สมิธ” เป็นเรื่องราวที่สร้างจากเรื่องจริงของ “คริส การ์ดเนอร์” ผู้เป็นพลังและแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คน

 หนังเรื่องนี้สะท้อนมุมมองชีวิตได้ครบทุกแง่ทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความทุกข์ ความรัก ความล้มเหลว และความสำเร็จ

เรื่องอาจจะยาวสักหน่อย แต่ผมรับรองว่าคุณจะได้แง่คิดอะไรดีๆ กลับไปแน่นอน...


The Pursuit of Happyness เรื่องราวของหนุ่มยอดนักขาย “คริส การ์ดเนอร์” ซึ่งเป็นทั้งหัวหน้าครอบครัวและพ่อของลูกชายวัยห้าขวบ “คริสโตเฟอร์”

ความผิดพลาดเดียวที่ทำให้ครอบครัว “การ์ดเนอร์” ต้องประสบกับเคราะห์กรรมนั่นก็คือ การนำเงินทั้งหมดไปลงทุนซื้อเครื่องสแกนเนอร์กระดูกแบบพกพา

แม้จะให้ภาพที่คมชัดกว่าเครื่องเอกซเรย์แต่ด้วยราคาที่สูงกว่า ทำให้ทั้งโรงพยาบาลและหมอต่างพากันบอกว่า “มันเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น!”

“คริส” จำเป็นต้องขายเครื่องสแกนให้หมด เพราะมันทำให้ชีวิตเขาและครอบครัวสามารถอยู่รอด และด้วยภาวะเศรษฐกิจอเมริกาในตอนนั้นเริ่มฝืดเคือง จึงเป็นเรื่องยากที่จะขายเครื่องได้แต่ละเครื่อง จากปัญหานี้ทำให้ “ลินดา” ภรรยาคู่บุญของเขาจึงขอแยกทางไป

วันหนึ่ง “คริส” เห็นชายคนหนึ่งเดินลงมาจากรถสปอร์ตคันหรู จึงได้จุดประกายความหวังให้กับเขาอีกครั้ง จึงถามชายคนนั้นไปว่า...
“คุณทำอาชีพอะไร”
“ผมเป็นนายหน้าค้าหุ้น” ชายคนนั้นตอบ
“ถ้าอยากเป็นต้องจบมหาวิทยาลัยมั้ย”
“ไม่จำเป็น แค่เก่งเลข และ เข้ากับคนได้ก็พอ” 

และจากคำตอบนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของ “คริส การ์ดเนอร์” ไปตลอดกาล

“คริส” มีความเชื่อมั่นว่าเขาเก่งเลขพอตัว แถมยังสามารถเข้ากับคนอื่นได้ง่าย เนื่องจากเขาเป็นนักขายเครื่องตัวยงคนหนึ่ง และเมื่อครั้งยังเด็กเขาสามารถอ่านวิชาเลขจบได้ภายหนึ่งสัปดาห์

“คริส” ตัดสินใจสมัครเป็นโบรกเกอร์ที่บริษัทหลักทรัพย์ “ดีน วิทเทอร์ เรย์โนลด์ส” โดยเข้าพบกับ “เจย์ ทวิสเซิล” หัวหน้าฝ่ายบุคคล แต่การสมัครเข้าทำงานนี้จะต้องผ่านโปรแกรมฝึกอบรมก่อนโดยมีระยะเวลาการฝึก 6 เดือน และได้งานเพียงคนเดียวเท่านั้น รวมถึงในระหว่างการฝึกอบรมจะไม่มีเงินเดือนให้ด้วย

“คริส” ตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรมการฝึกอบรมในครั้งนี้แม้ว่าจะไม่มีเงินเดือนให้ตลอด 6 เดือนนี้

ช่วงเวลาฝึกงานที่ดีน วิทเทอร์ “คริส” ทำทุกอย่างเพื่อสร้างผลงานให้ประจักษ์ เขาพยามยามติดต่อลูกค้า สร้างความสัมพันธ์อันดี ใช้ไหวพริบปฏิภาณในการเจรจาต่อรองอย่างเต็มความสามารถเท่าที่เขาจะทำได้

คนอื่นอยู่ถึงทุ่ม แต่เขาสามารถทำงานได้แค่ 6 ชั่วโมง ในขณะที่คนอื่นทำกัน 9 ชั่วโมง แต่เขาไม่ยอมเสียเวลาทุกครั้งที่โทรไปหาลูกค้าและจะไม่วางสายในทันที เพราะรู้ว่าถ้าไม่วางหูจะได้เพิ่มอีกวันละ 8 นาที และถ้าไม่กินน้ำก็จะได้ไม่เสียเวลาเข้าห้องน้ำ

ในวันสุดท้ายของการอบรม “คริส” ถูกผู้จัดการเรียกเข้าไปในห้องประชุมกับผู้บริหาร เขารู้สึกประหม่าเป็นอย่างมาก เพราะนี่คือวันชี้ชะตาว่าจะอยู่หรือจะไป

และนี่คือบทสนทนาสุดท้าย ที่ผมรู้สึกประทับใจมากๆ
ผู้บริหาร : “เสื้อสวยนี่”
คริส : “ขอบคุณครับ”
ผู้บริหาร : “วันนี้คงได้ใส่เสื้อแบบนี้ แบบว่าอบรมวันสุดท้ายแล้ว
ขอบคุณมาก เราซาบซึ้งมาก
แต่...พรุ่งนี้ก็ใส่มาเลยสิ เพราะพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกของคุณ ถ้าอยากทำงานเป็นโบรกเกอร์
คุณชอบมั้ย คริส”
คริส : “ชอบครับ (น้ำตาไหล)
ผู้บริหาร : “ดี เราดีใจมาก ขอต้อนรับ มันไม่ง่ายอย่างที่เห็นนะ”
คริส : “ไม่ครับ ไม่ง่ายเลย”
ผู้บริหาร : “โชคดีนะ คริส”

“คริส” เดินออกจากห้องประชุมและหยุดอยู่หน้าบริษัท ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ดูวุ่นวายบนถนนสายธุรกิจ นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เรียกว่า “ความสุข” เขารีบวิ่งไปหาลูกชายและยืนกอดกันอย่างมีความสุข
หลังจากเริ่มต้นทำงานที่ดีน วิทเทอร์ “คริส การ์ดเนอร์” ก็ออกไปตั้งบริษัทค้าหุ้นชื่อ “การ์ดเนอร์ ริช” ในปี 1987 และในปี 2006 คริส การ์ดเนอร์เสนอขายหุ้นบริษัทออกบางส่วนและได้เงินเป็นจำนวนหลายล้านดอลลาร์

เรื่องราวของ “คริส การ์ดเนอร์” เป็นพลังและแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน ไม่ว่าเราจะใช้ชีวิตกันแบบไหน มีอารมณ์ความรู้สึกท้อแท้ หมดหวังและกำลังใจในเรื่องอะไรก็ตาม ขอให้มอง “คริส” เป็นตัวอย่างในการก้าวผ่านอุปสรรคใดๆ ก็ตามที่พบเจอ สิ่งที่ได้จากเรื่องนี้ก็คือ การเป็นคนที่มุ่งมันและมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ใช้จุดแข็งของตัวเองให้เป็นประโยชน์ โดยไม่มองจุดอ่อนและอุปสรรคใดๆ มาเป็นข้อจำกัดเลย

“ธนา เธียรอัจฉริยะ” ผู้พลิกฟื้น DTAC ในยุคอดีตเคยกล่าวว่า
"ความกดดันจะนำไปสู่วิธีคิดในการเอาตัวรอด"

ทำให้ผมนึกถึงเรื่องของ SWOT Analysis ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ถึงจุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรค ซึ่งการนำ SWOT มาใช้ไม่ได้อยู่แค่เพียงเรื่องของธุรกิจเท่านั้น แต่มันยังสามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตการทำงานได้อีกด้วย


         การวิเคราะห์ SWOT กับตัวเอง เพื่อที่จะค้นหาเป้าหมายของชีวิต ต้องรับรู้และเข้าใจว่าตัวเรามีจุดอ่อน จุดแข็ง มีโอกาสและอุปสรรคที่ท้าทายตัวเราอย่างไร และใช้ประโยชน์จากจุดแข็งนั้นเพื่อลดจุดอ่อนที่มี ใช้ประโยชน์จากโอกาสเพื่อลดอุปสรรคให้ลดน้อยลง นำจุดแข็งมาใช้ร่วมกับโอกาสจะทำให้ตัวเองได้เปรียบเหนือสิ่งอื่นใด กำจัดจุดอ่อนทิ้งหรือถ้าไม่สามารถกำจัดได้ก็ต้องทำการแช่แข็งจุดอ่อนแล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นจุดแข็งให้ได้


      เช่นเดียวกับ “คริส” ที่รู้ว่าตัวเองมีจุดอ่อนและอุปสรรคต่างๆ มากมาย ซึ่งถือเป็นข้ออ้างให้เขาไม่ลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจได้ แต่ “คริส” ก็แสดงให้เราเห็นแล้วว่า เขาใช้จุดแข็งที่มีและนำโอกาสที่ได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดจนเขาประสบความสำเร็จและร่ำรวยขึ้นมาได้

วันนี้คุณวิเคราะห์ตัวเองด้วย SWOT แล้วหรือยัง?
ถ้ายังให้เริ่มต้นเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ ค้นหาตัวเองให้ได้ว่ามีอะไรดี อะไรเด่น
นำจุดเด่นนั้นไปสร้างโอกาส  ที่เหลือก็คือ “ลงมือทำ” ทำให้สุดๆ ทำให้สุดใจ ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเอง

"อย่าให้ใครมาบอกลูกว่าทำนั่นทำนี่ไม่ได้ แม้แต่ตัวพ่อเอง...
เมื่อลูกมีความฝันจงปกป้องมัน คนที่ทำอะไรไม่ได้เขาก็จะบอกกับลูกว่าทำไม่ได้เช่นกัน...
ถ้าลูกต้องการอะไร จงไปคว้ามันมาให้ได้" 
-- คริส การ์ดเนอร์ 


ความคิดเห็น