- รับลิงก์
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
“ความสำเร็จ คือการทำในสิ่งที่ต้องการจะทำ ในเวลาที่ต้องการ ในที่ที่ต้องการ กับใครที่ต้องการ และมากเท่าที่เราต้องการ”
ผมมีเรื่องราวของเพื่อนชื่อ “ฝัน” มาเล่าให้ฟัง…
ย้อนกลับไปเมื่อวัยเด็กตอนที่ได้รู้จักกัน “ฝัน” เป็นเด็กเงียบชอบเก็บตัว เขามีน้องสาว 2 คน ผมมักจะชวนเขามาเล่นด้วยกันเสมอ จนเราสนิทกันมาก
ครอบครัวของ “ฝัน” ไม่ได้ร่ำรวย อยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ บ่อยครั้งมักได้ยินพ่อแม่ของเขาทะเลาะกัน จนมีอยู่วันหนึ่งพ่อมีปัญหาเรื่องการพนันขันต่อจึงได้เอาห้องเล็กๆ ที่อาศัยอยู่นี้ไปจำนองจนเป็นเหตุให้เกิดการทะเลาะกันอย่างรุ่นแรงระหว่างพ่อและแม่จนต้องแยกทางกันในที่สุด
แม่พา “ฝัน” และน้องทั้งสองไปขออาศัยอยู่กับคุณตา แม่พยายามหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เธอเป็นผู้หญิงที่สู้ชีวิตมากๆ ทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อส่งลูกทั้งสามได้ร่ำเรียน
ชีวิตในช่วงมัธยมปลาย “ฝัน” เริ่มเกเร ติดเพื่อน ติดเกมส์ ไปเรียนบ้างไม่ไปบ้าง จนเกือบเรียนไม่จบ ม.6 แต่โชคยังดีที่ไม่เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเลยแม้สังคมเพื่อนในเวลานั้นจะเป็นใจ
“ฝัน” เห็นแม่ทำงานอย่างยากลำบาก จึงตั้งใจเรียนจนจบชั้น ม.6 ด้วยผลการเรียนแบบล่อแล่ 1.36 แน่นอนว่าด้วยคะแนนที่ต่ำแบบนี้คงไม่สามารถไปสอบที่ไหนได้เลย มีเพียงสองแห่งที่เขาคิดออกในตอนนั้น ก็คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง และ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ส่วนของเอกชนนั้นเลิกคิดไปได้เลย
เขาตัดสินใจเลือกลงเรียน มหาวิทยาลัยรามคำแหงในคณะรัฐศาสตร์ เพราะมีรุ่นพี่แนะนำว่าเรียนง่ายจบเร็ว อ่านชีทหน้ารามก็พอ ไม่ต้องมาเรียนแต่มาสอบอย่างเดียว
ระหว่างเรียนก็พยายามหาเงินเรียนไปด้วย เพราะไม่อยากรบกวนเงินแม่ มีงานอะไรที่พอจะทำได้เขาทำหมด ไม่ว่าจะเป็นช่างซ่อมประกอบคอมพิวเตอร์ แจกใบปลิวตามบ้าน ขายทอดไก่ ขายน้ำหรือไอศกรีมก็เคยทำมาแล้ว
เช่นเดียวกับ “อ.น้ำตาล อินโนเวท” เจ้าของหนังสือ “ได้เงินล้าน จากงานที่ใช่และใจที่ชอบ” ขายดีติด Best Seller มายาวนาน เป็นผู้หญิงเก่งอีกคนหนึ่งที่ได้รู้จัก จากเด็กในร้านเคเอฟซี ที่ทำงานหารายได้เพื่อนำเอามาเป็นทุนในการเรียนหนังสือ ผ่านอุปสรรคต่างๆ มามากมาย แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้เธอก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคจนมีบริษัทฝึกอบรมด้วยแนวคิดที่ว่า “คิดต่าง งานสำเร็จ อินโนเวทจัดให้”
“ฝัน” เป็นคนอดทนและรับผิดชอบต่อการทำงานอย่างมาก ไม่มีเวลาได้ไปเที่ยวเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เขาคิดเสมอว่าการทำงานก็เหมือนกับการท่องเที่ยวซึ่งต้องพบเจอกับลูกค้ามากหน้าหลายตา ได้พูดคุย ทักทาย โดนต่อว่าบ้างก็ถือเป็นประสบการณ์ไปอีกแบบ ทำงานแบบนี้จนกระทั่งเรียนจบมหาวิทยาลัย
วันที่ “ฝัน” ภูมิใจมากที่สุดคือวันได้รับพระราชทานปริญญาบัตรกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเป็นวันที่มีความสุขเมื่อได้เห็นบุพการีมีความสุขกับความสำเร็จของเขา
“ฝัน” ได้มีโอกาสทำงานกับบริษัทหนึ่งเกี่ยวกับสื่อการเรียนออนไลน์ หรือที่เรียกว่า E-Learning ให้กับมหาวิทยาลัยและองค์กรขนาดใหญ่ ถ้าหากมองย้อนกลับไปในวันนั้น คำว่า E-Learning อาจไม่มีคนรู้จักเนื่องจากมันเพิ่งเข้ามาในประเทศไทยได้ไม่นาน เป็นที่นิยมเฉพาะตลาดกลุ่มการศึกษาเท่านั้น
เขาหลงใหลในงานนี้เป็นอย่างมาก และคิดอยากที่จะมีบริษัทแบบนี้เป็นของตัวเอง ผมเคยถามเขาว่าเพราะอะไรถึงอยากทำบริษัทแบบนี้ ตลาดมันไม่ได้กว้างไม่ได้ขายคนทั่วไป ถ้าองค์กรไม่ใหญ่จริงเขาจะจ้างทำหรือ?
“ฝัน” บอกว่า “ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า แต่เชื่อว่ามันเป็นไปได้”
เขายังคงมีความสุขกับการทำงาน จนเมื่อถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตเกิดขึ้น เนื่องจากบริษัทปรับลดค่าจ้างลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
มีทางเลือกในชีวิตเขาสองทางคือ หนึ่งยอมทำงานอยู่ในคอกกั้นต่อไป หรือ สอง ก้าวออกจากคอกกั้นเพื่อไปสู่การค้นหาชีวิตใหม่
คนเราเมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจ มักจะโดนตีกรอบความคิดจากคนรอบข้าง ซึ่งแน่นอนความสบาย มั่นคง และปลอดภัยย่อมมาก่อนเสมอ และเราก็เลือกที่จะทำตาม ถึงแม้จะต้องไปอีกแสนไกลและเหนื่อยล้าบ้างก็ตาม
แต่...
เมื่อเป้าหมายไม่ใช่ตัวเรา แต่เป็นคนที่เรารัก ครอบครัวที่เรามี แน่นอนการตัดสินใจเลือกทางเดินอาจเปลี่ยนไป แม้ว่าจะต้องเจอกับอุปสรรคและความเสี่ยงมากแค่ไหนก็ตาม
เขามองเห็นโอกาสช่องว่างธุรกิจว่าในปัจจุบันการฝึกอบรมในรูปแบบเดิมๆ อาจไม่ตอบสนองกับ Lift Style การเรียนรู้ของคนในยุคนี้ โดยจะมีการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์กันมากขึ้น อีกทั้งการเรียนการสอนในยุคนี้กำลังปรับเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นเครื่องมือ “ช่วยสอน” มาสู่การเป็นเครื่องมือ “วัด” คนและผลงานสำหรับองค์กรภาคธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องพัฒนา “ทุนมนุษย์” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในแข่งขันต่อคู่แข่งได้
อีกทั้งจากสถิติมูลค่าของตลาดฝึกอบรมสูงถึง 5-6 พันล้านบาท ดังนั้น ดังนั้นถ้าหากผู้ให้บริการรายใด สามารถเข้าไปแชร์ส่วนแบ่งตลาดสัก 5-10% แล้ว ก็นับว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจทีเดียว
หลังจากที่วิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ อย่างรอบด้านแล้ว “ฝัน” ก็ก้าวออกมาจากคอกกั้นที่ตีกรอบชีวิตเขาอยู่หลายปี มุ่งสู่สิ่งที่ใจปรารถนา ทำในสิ่งที่รัก แม้ว่าทางเดินข้างหน้าจะดูเสี่ยงและอันตรายแค่ไหนก็ตาม เขาต้องทำทุกอย่างโดยก้าวพลาดให้น้อยที่สุด ใช้ความมุ่งมั่นและพยายามเรียนรู้ในเรื่องของการทำธุรกิจ เริ่มตั้งแต่การเข้าอบรมการผู้ประกอบการใหม่ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (NEC) เพื่อเรียนรู้การเขียนแผนธุรกิจ การจดทะเบียนบริษัท บัญชีการเงิน เรียนรู้วิธีการหาลูกค้า การประสานงาน การผลิต และวิธีการทำการตลาด จนสั่งสมประสบการณ์และสามารถมีบริษัทที่รักและชอบในที่สุด โดยรับผลิตสื่อและวางระบบการฝึกอบรมให้กับองค์กรภาครัฐและเอกชนมาแล้วมากมาย
เช้าวันหนึ่ง “ฝัน” สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะต้องรีบไปนำเสนองานกับลูกค้าธนาคาร เขารีบอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน และเหลือบมองไปที่กระจกพร้อมตกใจสุดขีดที่พบว่า “ฝัน” คนที่ได้เล่าเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมา นั่นก็คือ “ตัวผมเอง”
“เพียงเมื่อคุณหยุดก้าว คุณก็เริ่มถอยหลังแล้ว” --ดร.เทียม โชควัฒนา ผู้ก่อตั้ง บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น