Moodle Academy Moodle Admin Basics

EP5. การทำสมาธิทันใจ ด้วยภาพ Mandala

เคยไหมครับ เวลาที่เรากำลังทำอะไรอยู่ สักพักมีข้อความใน Line ทักเข้ามา ผ่านไปอีกนาทีมีข้อความจากเพื่อนใน Facebook อีก จนบางครั้งลืมไปว่าเรากำลังจดจ่ออยู่กับงานที่ต้องรีบส่งให้กับลูกค้า

บ่อยครั้งที่รู้สึกว่าตัวเองมีสมาธิในการทำงานน้อยลงไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตส่วนตัวและการทำงาน

เป็นเพราะอะไร!

เทคโนโลยีถูกสร้างขึ้นมาเพียงเพื่อความสะดวกสบายและนับวันก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันเปลี่ยนโลกทรงกลมใบนี้ให้เหลือแค่โลกสี่เหลี่ยมที่มีขนาดเล็กเท่าฝามือเท่านั้น

หลายครั้งที่รู้สึกอยากระบายอยากแสดงออกซึ่งความรู้สึก หรืออะไรก็ตามผ่านโลกโซเชียลมีเดียไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Twitter แต่ที่ใช้บ่อยและกระทบกับชีวิตเป็นอย่างมากนั่นก็คือ Line กับ WhatsApp

พักหลังนี้สมาธิผมเสียเหตุเพราะรู้สึกพะว้าพะวงว่าจะมีใครส่งข้อความผ่าน Line หรือ WhatsAppแม้กระทั่งกลัวว่าจะมีใครคุยอะไรกันในกลุ่ม Line ซึ่งแทบจะหยิบมือถือขึ้นมาดูทุกนาทีกันเลยทีเดียว

จึงแก้ปัญหาด้วยการพยายามดูข้อความต่างๆ ให้น้อยลง จะเว้นก็แต่ E-Mail ซึ่งยังมีความสำคัญกับงานอยู่ และพยายามสื่อสารกันด้วยคำพูดผ่านทางโทรศัพท์ให้มากขึ้น

“ดาวิด คาร์ป” ผู้ก่อตั้ง “Tumblr” เว็บเครือข่ายสังคมที่กำลังมาแรงเช่นเดียวกับ Facebook และ Twitter เป็นอีกหนึ่งอายุน้อยร้อยล้าน ไม่ใช่สิ ต้องหมื่นล้าน! ที่ถูก Yahoo ซื้อไปด้วยราคา 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือราว 33,000 ล้านบาท กล่าวว่า 
เทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้งานยากๆ กลายเป็นเรื่องง่ายๆ แค่เรารู้จักใช้มัน
ใช่แล้วครับ เดี๋ยวนี้เราทำอะไรได้สะดวกสบายมากขึ้นเพราะมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย แต่ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีจะให้ความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อแต่สิ่งที่มันให้ไม่ได้คือ "ความรู้สึก" ที่แสดงออกถึงความจริงใจและความไว้วางใจกันมากกว่าแค่การส่งข้อความหรือสติ๊กเกอร์หากันเท่านั้น
เพราะผมเชื่อว่า...
การพูดคุยคือการสื่อสารที่ดีที่สุดของมนุษย์

เมื่อตัดช่องทางในการสื่อสารให้น้อยลงแล้ว จากนั้นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเริ่มลงมือทำงานนั่นก็คือ “การทำสมาธิ”

การที่จิตเรามีสมาธิจะทำให้เราจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่วอกแวก และสามารถดึงพลังและศักยภาพที่มีในตัวเองมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าในการทำงานการคิดการตัดสินใจหรือการแก้ปัญหาต่างๆ ความแน่วแน่ที่มีสมาธิยังช่วยให้ใจได้พักลดความเครียดวิตกกังวลลง ทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เมื่อเรามีสมาธิ จิตก็จะเกิดความตั้งมั่น และนำไปสู่ปัญญา

แต่ปัญหาคือ ผมนั่งสมาธิไม่เป็น และเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คงเป็นเหมือนกัน 

ทุกครั้งที่เริ่มนั่งขัดสะหมาด วางมือขวาทับมือซ้าย หลับตา แล้วกำหนดลมหายใจ พอทำได้สักพักจิตเริ่มวอกแวก หลังจากนั้นความนิ่งก็แตกกระเจิง

โชคดีที่เราอยู่ในยุคที่วิทยาศาสตร์ก้าวไกลไปมาก มีการวิจัยทางด้านสมองเกิดขึ้นมากมาย ในทางวิทยาศาสตร์ถือว่า “ความแน่วแน่สงบด้วยจิต” เป็นการสร้างความสมดุลให้กับสมองทั้งสองด้าน ทั้งซีกซ้าย และ ซีกขวา ให้เกิดความสงบนิ่ง พร้อมที่จะรับข้อมูลใหม่ๆ ได้อย่างเต็มที่

อย่างที่พอจะทราบกันมาบ้างแล้วว่า…

สมองซีกซ้าย (คิดเชิงปริมาณ) - ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์คำนวณการใช้ตรรกะเหตุผลการเปรียบเทียบคิดอย่างมีหลักการและมีแบบแผนอย่างเป็นรูปธรรม

สมองซีกขวา (คิดเชิงภาพรวม) –ทำหน้าที่เกี่ยวกับทักษะด้านมิติสัมพันธ์การคิดและสร้างสรรค์อารมณ์ความรู้สึกสัมผัสการเคลื่อนไหวจินตนาการแบบนามธรรมตลอดจนการจดจำในสิ่งที่ได้เห็นหรือได้ยิน

เคยมีคนเปรียบเทียบสมองของมนุษย์กับสมองคอมพิวเตอร์ว่าใครคิดได้เร็วกว่ากันแน่นอนว่าถ้าวัดกันในเรื่องความฉลาดแล้วยังไงมนุษย์ก็ย่อมฉลาดกว่าคอมพิวเตอร์ นั่นก็เพราะมนุษย์เป็นผู้สร้างคอมพิวเตอร์ขึ้นมา
แต่ถ้าวัดกันในเรื่องความเร็วในการประมวลผลแล้วล่ะก็ต่อให้ใช้ระดับซูเปอร์คอมพิวเตอร์หลายๆเครื่องเอาชนิดที่ว่าเร็วโคตรๆมาทดสอบคุณคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ?
ลองพิสูจน์กันดูครับ!

ลองหลับตาแล้วนึกถึงภาพสุนัขที่คุณรัก ซึ่งตัวมันเปื้อนไปด้วยดินโคลนและมันกำลังยกเท้าหน้าทั้งสองข้างร้องเรียกคุณอยู่…

คุณจะรู้สึกประหลาดใจว่าเพียงแค่หลับตาแล้วนึกเท่านั้น ก็จะเห็นภาพออกมาได้ทันทีในขณะที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ยังไม่สามารถคำนวณได้เร็วเขนาดนี้นี่คือความมหัศจรรย์ของสมอง ที่ควรได้รับการดูแลเอาใจใส่และได้รับการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากมันให้ได้มากที่สุดครับ

เทคนิคการทำสมาธิแบบทันใจ
นี่คือวิธีที่ง่ายที่สุด ที่ผมชอบมากๆ โดยการใช้ภาพ Mandala มาช่วยในการปรับสมดุลของสมอง




หลักการคือ ให้คุณจ้องมองเข้าไปที่จุดศูนย์กลางของภาพ นานสัก 1-2 นาที และหายใจให้เป็นจังหวะสูดลมหายใจลึกๆ ช้าๆ ยาวๆ พยายามกำหนดลมหายใจ เข้า....ออก  ในการฝึกใหม่ๆ สมองของเราจะวอกแวก และพยายามคิดอะไรต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับภาพที่เห็น หรือไม่ก็อาจมองไปที่อื่น แต่พยายามฝืนตัวเองให้มองเข้าไปที่จุดศูนย์กลางของภาพต่อไป เมื่อมองไปสักพักอย่างต่อเนื่อง เมื่อมองไปได้สักพักสมองเราจะเริ่มปรับสมดุล ความคิดของเราจะจมดิ่งหายเข้าไปในภวังค์ จนสงบนิ่งเกิดเป็นสมาธิขึ้นมาโดยทันที

เมื่อร่างกายลดความตึงเครียดลง จนเกิดความพร้อมที่จะเริ่มต้นทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ นี่เป็นวิธีที่ง่ายมาก และผมมักนำภาพ Mandala นี้ติดตัวไปด้วยเสมอ โดยเซฟเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ และใช้อยู่เป็นประจำ ทั้งก่อนที่จะเริ่มทำงาน หรือประชุม

ในยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนเรามากขึ้นข้อมูลข่าวสารจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้ามาอย่างง่ายดายใครมีข้อมูลอยู่ในมือมากยิ่งได้เปรียบจะเห็นได้จากบรรดามหาเศรษฐีหลายๆ คนเช่น  “มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก” ผู้ก่อตั้ง Facebook หรือ “บิล เกตส์” บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกอย่างไมโครซอฟท์ต่างก็ต้องใช้ความรู้ ความคิด และความมุ่งมั่นแน่วแน่ สร้างแรงบันดาลใจมาสร้างสรรค์ผลงานให้กับผู้คน ดังนั้นในยุคนี้ใครสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวสารได้มากที่สุด ก็อาจเปลี่ยนจากคนธรรมดาให้เป็นมหาเศรษฐีได้ ใครจะรู้

ความคิดเห็น